Posted by: Natt | 4 พฤศจิกายน 2008

ว่าด้วยเรื่องเลนส์

บางคนเคยมีคำถามว่า หลังจากที่เราซื้อกล้องดิจิตอลแบบมืออาชีพ หรือที่เรา ๆ มักเรียกกันว่า DSLR กันมาแล้วเนี่ย เลนส์ที่ติดกล้องมา ไม่ว่าจะเป็นกล้องยี่ห้ออะไรก็ตามมันใช้ได้ดีมั้ย? แล้วเราต้องหาเลนส์ตัวใหม่ ๆ ราคาค่อนข้างแพงมาใส่กันดีมั้ย คำตอบอยู่ในบล็อกนี้แล้วครับ ขอบอกว่าถนัดแต่ของ แคนนอน (Canon) เค้าอย่างเดียวนะ จะยี่ห้ออื่น ๆ สงสัยต้องยกไปหากูรูท่านอื่น ๆ มาตอบแทนกันนะ จะเป็นยังไงก็มาอ่านดูกันเลย

หลังจากที่ผูัมีอุปการะคุณทุกท่านได้การสนับสนุน กล้องดิจิตอลแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ (DSLR) มากันเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ จากเครื่องประกันร้าน (เครื่องหิ้ว) หรือเครื่องประกันศูนย์ หรือว่าบินไปซื้อเองอะไรก็ตามแต่ เดี๋ยวนี้ในกล้องระดับโปรมือระดับกลาง ๆ เช่น Canon EOS 40D หรือ Canon EOS 50D จะมีออฟชั่นให้เราเลือกเลยครับว่าคุณจะเลือกซื้อเฉพาะกล้องอย่างเดียว หรือว่าซื้อเลนส์คิด (EF-S 18-55 mm. F/3.5-5.6 IS) หรือว่าเลนส์สูงกว่าคิด (EF-S 17-85 mm. F4/5.6 IS USM) หรือสุดท้ายแบบเลนส์ครอบจักรวาล (EF-S 18-200 mm. F/3.5-5.6 IS) ก็มีมาให้เลือกสรรกันเพียบ ๆ ในท้องตลาดที่อยู่ ณ บ้านเรา ถึงแม้ว่าบ้านเราจะคิดเซลล์โปรแบบนี้ช้ากว่าเมืองลอดช่อง (สิงค์โปร์) หรือว่าเมืองใหญ่ ๆ ในภูมิภาคนี้ หรือว่าเมืองนอกเมืองนา ฝรั่งหัวทองกันกระนั้นก็ตามที แต่เอาเหอะ ๆ ไหน ๆ ก็มีแล้วก็มารู้กันว่าการเลือกซื้อเลนส์มีอะไรน่าสำคัญบ้างนะ

เริ่มจากสิ่งที่สำคัญ ๆ ในการศึกษาเลนส์ก่อนจาก EF-S 18-55 mm. F3.5-5.6 IS มันหมายความว่ากระไร??

EF / EF-S คือ รหัสเลนส์ของยี่ห้อแคนนอน (Canon) เท่านั้น ถ้ายี่ห้ออื่นก็ขึ้นต้นด้วย AF หรืออื่น ๆ อะไรก็ว่าไป

EF หมายถึงเลนส์ที่ใช้กันได้ระหว่างกล้องฟิล์มทุกรุ่นและดิจิตอลทุกตัว แต่ดิจิตอลบางรุ่นก็ต้องคูณด้วยทางยาวโฟกัสเข้าไปอีกนะ ตามตัวกล้องที่ระบุแล้วแต่รุ่น เช่น 1.6 หรือ 1.3 ก็ตามแต่ เพราะเนื่องจากกล้องที่มีเซ็นเซอร์รับภาพไม่เท่ากับขนาดแผงฟิล์ม 35 มิลลิเมตร นั่นเอง ถ้าเซ็นเซอร์รับภาพเท่ากับขนาดฟิล์มคาดหมายได้ว่าราคาคงแพงน่าดูชมกันเลยแหละครับ เช่นเลนส์ขนาด EF 28-135 mm. F/3.5-5.6 IS USM ถ้าใส่กับกล้องฟิล์มจะได้ความกว้างของเลนส์ขนาด 28 มิลลิเมตร และเทเลได้ที่ขนาด 135 มิลลิเมตร แต่ถ้าเป็นเลนส์ตัวดังกล่าวเอามาใส่กล้อง EOS 450D ที่ต้องคูณทางยาวโฟกัสไปที่ 1.6 จะได้ขนาดความกว้างของเลนส์ที่ 44.8 มิลลิเมตร และช่วงเทเลได้ที่ขนาด 216 มิลลิเมตร ยิ่งไกลออกไปอีกโขเลยแคนนอน (Canon) เค้าจึงเกิดเลนส์ที่เรียกว่า EF-S ขึ้นมาเพื่อช่วยให้การถ่ายภาพด้วยกล้องประเภทดังกล่าวสะดวกสบายยิ่งขึ้น

EF-S นั้นจะหมายถึงเลนส์ที่สามารถใช้กันได้ระหว่างกล้องดิจิตอลในรุ่นที่มีทางยาวโฟกัสที่คูณด้วย 1.6 เท่านั้น (APS-C Size) งง ละสิ.. บอกรุ่นให้ก็ได้ Canon EOS 300D, 350D, 400D, 450D, 1000D, 20D, 30D, 40D, 50D เท่านั้น แต่ส่วนพวกกล้องฟิล์ม หรือดิจิตอลในรุ่น EOS 10D, 5D, 5D Mark II, 1D, 1Ds, 1D Mark II, 1Ds Mark II, 1D Mark III, 1Ds MarkII เนี่ยแหละจำต้องใช้ EF ทั้งหมด แต่จะบอกว่าเลนส์ที่ขึ้นต้นด้วย EF-S ยังไงก็ยังต้องคูณตัวเลขเข้าไปด้วยเช่นกันนะครับ เช่น เลนส์ขนาด EF-S 17-85 mm. F/4-5.6 IS USM ถ้าเอามาใส่กล้องดิจิตอลในรุ่นที่มีทางยาวโฟกัสที่คุณด้วย 1.6 จะเป็นได้ดังนี้ ขนาดกว้างสุดของเลนส์คือ 27.2 มิลลิเมตร และส่วนที่เทเลที่สุด คือ 136 มิลลิเมตร เป็นต้น

F/3.5-5.6 อันนี้ คือค่ารูรับแสงเมื่อกล้องถ่ายภาพมีการใช้ช่วงซูมที่กว้างสุดคือ 18 มิลลิเมตร (จากตัวอย่างด้านบน) จะใช้รูรับแสงที่ 3.5 มีหน่วยเป็น F Number แต่ถ้าขยับเลนส์ซูมไปที่มุมเทเล จะได้รูรับแสงที่ 5.6 เป็นต้น แต่เลนส์บางตัวจะไม่ใช่แบบนี้ เช่น เลนส์แอล (L) EF 24-105 mm. F/4L IS USM จะเป็นเลนส์ที่มีตัวเลขฟิกซ์ค่า ไม่ว่าจะช่วงซูมกว้าง หรือแคบแบบเทเลก็ตามค่า F Number ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอันใด ทำให้เราได้ภาพที่มีความลึกระหว่างแบบและฉากหลังที่เบลอ ๆ ตามที่นักถ่ายภาพได้ถวิลหากันเป็นนัก ๆ และแน่นอนราคาก็ย่อมแพงขึ้นไปตามตัวด้วยเช่นเดียวกัน

IS ไม่ใช่ อีส นะครับ แต่ย่อมาจาก Image Stabiliser คือว่ากันบ้าน ๆ คือตัวป้องกันระบบสั่นนั่นเอง ก็ดูเอาครับว่ามีตัวย่อปรากฎขึ้นบนรายละเอียดเลนส์หรือเปล่า ถ้ามีมันก็ช่วยได้พอสมควรเลยนะครับ เช่นเลนส์ตัวใหม่ ๆ อย่าง 18-55mm., 18-200 IS รุ่นพวกนี้ลดได้ถึง 4 สต็อบเลยทีเดียว ซึ่งมากกว่าเลนส์ IS รุ่นเก่า ๆ ที่ลดได้เพียง 2 สต็อบเลยนะ (สต็อบคือไร?? เอาง่าย ๆ คือ ความเร็วชัตเตอร์ ปรับลดลง 2-4 แกร๊ก ๆ ไง)

USM ย่อมาจาก Ultra Sonic Motor มีไว้เพื่อช่วยให้การโฟกัสเงียบ และรวดเร็ว และถามต่อว่า มันจำเป็นไหมกับการใช้ USM คือ มีก็ดี ไม่มีก็ได้ อ้าว ๆ แทงกั๊กอีก ตอบเน้น ๆ ไปอีกว่าใช้ถ่ายภาพแบบไหน เที่ยวเล่น สนุกสนานหรือไม่? แล้วอีกอย่างที่สำคัญมาก ๆ เลยคือ มีงบประมาณเพียงพอหรือเปล่าด้วยครับ ความเร็วในการโฟกัสแตกต่างกันไม่ถึง 1 วินาที ถ้าซีเรียสเรื่องเวลากะเรื่องเสียงก็ใช้ไปเหอะครับ

เดี๋ยวจะมาอธิบายความเพิ่มเติมกันอีกนะครับว่าเลนส์ L มันเป็นยังไง

มาเริ่มกันกับพื้นฐานการถ่ายภาพแบบง่าย ๆ เพียงแต่คุณมีกล้องดิจิตอลประเภทใดก็ได้ ที่ผมไม่ได้เอ่ยถึงฟิล์มนั้นเพราะเชื่อว่าฟิล์มคงจะเป็นกลุ่มผู้ใช้งานที่เรียกว่า ตลาดเฉพาะทาง (Niche Market) ที่อยู่ในกลุ่มระดับโปรๆ เค้าคุยกัน ผมคงไม่ยุ่งเรื่องพวกนี้หรอกนะ มันยาก เอ้า ๆ เข้าเรื่องเหอะ กล้องที่ผมแนะนำคงเป็นยี่ห้อใดไปไม่ได้คือ แคนนอน (Canon) ที่มีผู้ใช้งานกันอย่างแพร่หลายยี่ห้อหนึ่งในประเทศไทย ถ้านับเครื่องประกันร้าน และประกันศูนย์รวมกัน

อันนี้ขอบอกว่าแนวไอเดียที่กระผมนั้นได้ใช้เป็นการเลือกซื้อกล้องถ่ายภาพแบบบ้าน ๆ ใครจะเอาไปใช้ก็ได้นะ ตามชอบ ก่อนอื่นคุณต้องรู้ก่อนว่ากล้องแบ่งประเภทกันอย่างไร?? กล้องถ่ายภาพ จะมีสองประเภทด้วยกัน ทั้งประเภทกล้องดิจิตอลคอมแพค (Digital Compact) หรือที่เซียน ๆ เค้าเรียกกันกว่าปัญญาอ่อน แต่ผมว่าไม่ปัญญาอ่อนซะหน่อย ออกจะเก่ง วัดแสงอัตโนมัติ จับใบหน้าอัตโนมัติ หรือยี่ห้อ “S” เค้าบอกว่าไม่ยิ้มไม่ถ่าย.. เอ..แล้วถ้าเอากล้องไปถ่ายงานศพล่ะ.. ทำไงอ่ะ?? เห็นป่ะ เยอะออก และอีกประเภทของกล้องถ่ายภาพคือประเภท กล้องถ่ายภาพที่สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ (Digital SLR) ที่เป็นกล้องมืออาชีพ แต่ผมก็มองต่างมุมอีกว่าเดี๋ยวนี้ชักจะไม่เป็นมืออาชีพเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้วอ่ะ.. เพราะมีระบบช่วยถ่ายภาพได้ง่ายขึ้น ทั้งการแสดงภาพก่อนถ่ายแบบกล้องคอมแพค จับใบหน้าอัตโนมัติบ้างล่ะที่มีอยู่ใน EOS 50D หรือไม่ซิง ๆ คือ การถ่ายภาพวีดิโอแบบ Hi-def ได้ในรุ่น EOS 5D Mark II และที่สำคัญที่สุด คือ ราคาจากแต่ก่อนว่าแพง ๆ ตอนนี้มีท่าทีว่าราคาจะลดลงเรื่อย ๆ

เห็นมะ.. ง่ายขึ้นเยอะเลย

กล้องดิจิตอลคอมแพค

ส่วนเรื่องของราคาจำหน่ายก็ตามหากันในท้องตลาด ก็สามารถหาได้ตามกำลังทรัพย์และความเหมาะสมกับการใช้งานนะครับ ผมตอบได้อย่างแม่น ๆ เลย ดังนี้

  1. เอาไปทำอะไร ใช่เอาไปถ่ายเล่นหรือเปล่า? เอาไว้ทำงานเกี่ยวกับภาพหรือไม่?
  2. อยากพัฒนาฝีมือการถ่ายภาพหรือไม่? หรือแค่ใช้ขำขำในครัวเรือนเพียงอย่างเดียว? 
  3. ชอบการพกพา หรือแบบโปร ๆ เค้าเรียกว่า ต้องแบกหามกล้องเวลาเอาไปถ่ายในต่างจังหวัดหรือไม่? ในขณะที่เพื่อนคนอื่น ๆ เค้าสนุกสนานเพราะไม่ต้องแบกกล้อง
  4. กำลังทรัพย์เราล่ะ เพียงพอหรือเปล่า? อย่าลืมว่าถ้าคุณซื้อกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ เดี๋ยวจะเกิดความอยากที่จะซื้อเลนส์ตัวใหม่ ซื้อแฟลชเพิ่ม หรืออุปกรณ์ข้างเคียงที่เกิดกิเลสเข้าไปอีก ที่ว่ากล้องที่เปลี่ยนเลนส์ได้ราคาต่ำสุดตอนนี้น้อยกว่า 2 หมื่นแล้วนะ ในขณะที่กล้องคอมแพคบางรุ่นอาจแพงกว่าด้วยซ้ำไป ที่ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติมใด ๆ

ส่วนยี่ห้ออะไร รุ่นอะไร ผมคงไม่เข้าไปแนะนำนะครับ เพราะความชื่นชอบของมนุษย์มันแตกต่างกัน..

กล้��งดิจิต��ลแบบถ��ดเปลี่ยนเลนส์ได้

กล้องดิจิตอลแบบถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ DSLR

มาต่อกันนะ พอรู้แล้วว่าเราจะเลือกซื้อกล้องประเภทไหนตามที่บอกไว้ข้างต้น และที่ผมทิ้งประเด็นไว้ในเรื่องร้านค้าที่จำหน่ายล่ะ ประกันร้าน กับ ประกันศูนย์ มันแตกต่างกันอย่างไร? วันนี้มาชี้กันชัด ๆ จะได้เลือกซื้อกันได้ถูกต้องตามสิ่งที่ได้คาดกันไว้นะครับ

ประกันร้าน หรือ เครื่องหิ้ว คือ ร้านค้าที่ได้นำเข้ากล้องดิจิตอลทั้งสองประเภทจากตัวแทนจำหน่ายต่างประเทศโดยตรง ที่ไม่ได้ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทำให้สิทธิการประกันจะไม่มี และบางยี่ห้อถ้าไปเข้าที่ศูนย์บริการล่ะก็ คาดว่าจะคาดว่าจะเจอมหกรรมฟันหัวแบะก็เป็นได้ หรือบางยี่ห้อก็บอกเลย ไม่รับซ่อมไม่ว่าจะในช่วงประกันหรือนอกประกันก็ตาม พร้อมไม่ได้รับคู่มือภาษาไทยอีกนะ และที่ร้านใด ๆ บอกว่าซ่อมศูนย์ได้ บอกเลย ขอดูใบรายการซ่อม (ใบจ๊อบ) ว่ามีจริงป่าววว?? ราคาคุยมั้ย?? แต่ข้อดีคือ ราคาจะถูกกว่า จะมากหรือจะน้อยก็แล้วแต่ต้นทุนทีซื้อและสต็อกที่มีอยู่ของแต่ละร้านนั้น ๆ คงเหมือนกับซื้อความเสี่ยงนั่นแหละนะ และสินค้ามาก่อนเวลาขายจริงของประกันศูนย์

ประกันศูนย์ คือ ร้านค้าที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในการจัดจำหน่ายที่เป็นสินค้าประกันโดยบริษัทแม่ในประเทศไทย สินค้ามีคุณภาพการันตีได้แน่นอน ซื้อไปถ้าเสียเปลี่ยนใหม่ภายใน 7 วัน ในแทบทุกร้านค้า หรือบางร้านนี่ให้สิทธิไปเลยเดือนนึงแหนะสำหรับการเปลี่ยนสินค้าใหม่ แน่นอนครับ ราคาจะต้องสูงกว่าประกันร้าน และสิทธิของการประกันจะแตกต่างกันนะครับ เอา แคนนอน (Canon) เป็นตัวอย่างนะ กล้องดิจิตอลคอมแพค และกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ ประกันศูนย์ 1 ปี เข้าศูนย์แคนนอนได้ทั่วไป และเลนส์ไม่ว่าราคาเท่าไร หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงของกล้องโปรต่าง ๆ เป็นประกัน 2 ปี (ประกันอินเตอร์เข้าที่ไหนก็ได้ปีแรก, ประกันปีสองในประเทศ)

จะเลือกซื้อจากร้านค้าไหน ๆ ก็ตามสะดวกกันเลยนะครับผม…

Posted by: Natt | 8 กรกฎาคม 2008

Daily life in Bangkok

Bangkok is the capital city of Thailand since 1782. Many stories happened here, from the Chakri Dynasty around 230 years ago. Bangkok has center of the spiritual, cultural, political, commercial, and educational. Include almost 10 million s of people that living, working, and studying.

This city has never sleep:

In the morning we see many people wake up in the morning. They are going to Morning market around 5.00am-7.30am. most of the places that I familiar with is located in Bangkae market, Huay Kwang market, Chokchai4 market many people come to buy many things necessary for living or people come to buy for re-seller again. Things for buying stuff are vegetable, pork, sausages, chicken, fish… etc. Otherwise we’re buddism country we can see many of priest in yellow clothing in many places around you.

Market Atmosphere in Bangkok

Monk & Buddism

If the crisis from internal factors from political and military with cambodians troops problems and external crisis from hamburger crisis happens how about people in the grassroots lives? How about all travellers votes to Bangkok’s for the best city in the world goes to crisis? It effects all people in all societal levels. So, the politicals and economist will try the best for this. Things that we can do just be happy and be stronger heart to encourage us pass through this big crisis.  

 

In the late of morning (7.00am-9.00am) its time to adventure on the road. Traffic jam is the normal problem of developing countries including Thailand. You know if the rain fall in the morning we can see the biggest car parking eventhough the express way, normal way or just walk way that have motorcycles. You cannot runaway, cannot move. This is very boring stuff that many governments, bangkok’s metropolitant cannot solved.

9.00am-5.00pm. its time to work, many people are in their office ‘what did they do?’ Many answer becoming with chatting, eating breakfast after stamping time record, sleeping on their desk before boss coming… I think many office around the world would be like this. Let’s turning outside the office, we’ll see many people go to someplace or somewhere.. traffic is less of stuck.. many places can go but you cannot park your car in place you go, you’ll see the sign is saying ‘Full’ if not full you might pay a lot for your lovely car. Starting prices for parking fees starting from 20-40-50-100 Baht. from Sathorn and Sukhumvit area, till the most expensive that I confront with is 200 Baht. from 5 stars hotel in Bangkok that I’ve paid before.

How about the lunch time? where you want to eat? You can choose where you want to eat.. price that you comfortable with.. or who do you want to eat with? In Bangkok you may eat lunch for cheapest price around 20 Baht. But I used to eat at Sathorn Road in one day you must have money around 70 Baht for your lunch (one dish of lunch, one glass of water, ice-cream or dessert) after gas price is goes up many products shifting the price up and never coming down when gas goes down.. huh!! and when you get to office lots of people might sleep!!

 

5.00pm-7.00pm. its time to go home, relax, see your boyfriend or girlfriend,.. many people are wait for this time. you think if this monday how it feel like? Sure that traffic coming to struck on the road again.. many people on sky train or bus stop also crowded.. but some people are getting start of the day.. some people wake up and go to work in the night club around Bangkok such as Patpong, Silom, RCA, Ratchada or rural of Bangkok are in Thonburi. Or someone choose to study more master degree that all university that located around Bangkok

 

9.00pm-12.00am. some people are arrived home, staying with lovely family for some staying at lovely books or lovely girl or guy!! I don’t know .. but some people is the peak time for do their work, some people are going to sleep. and waiting for tomorrow will come and relife again!!

 

See!!! Bangkok is the center of everything… Business, Transportation, Telecommunication, Education or Nightlife… Have you ever come to city before??

« Newer Posts

หมวดหมู่